ไปต่อไม่ไหว! Revlon แบรนด์เครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ ยื่นล้มละลาย

ไปต่อไม่ไหว! Revlon แบรนด์เครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ ยื่นล้มละลาย

Revlon แบรนด์เครื่องสำอางใหญ่จากอเมริกา ยื่นล้มละลาย หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ จนมีหนี้ท่วมสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นข่าวที่สะเทือนใจสายบิวตี้ไม่น้อย เมื่อแบรนด์เครื่องสำอางยักษ์ใหญ่จากประเทศสหรัฐอเมริกาอย่าง Revlon ยื่นขอล้มละลาย เนื่องจากได้รับผลกระทบปัญหาเงินเฟ้อจนมีภาระหนี้สินมากถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา) ทางบริษัท Revlon ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อทำการขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลาย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาจึงทำให้ทางบริษัทมีหนี้มหาศาลและไม่สามารถแบกรับภาระได้อีกต่อไป

ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นผลกระทบจากปัญหาของการระบาดของโรคโควิด-19 

แต่ด้วยภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบัน ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคที่มีแนวทางเปลี่ยนไป และส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ยอดขายของทางบริษัท Revlon นั้นไม่สามารถกระเตื้องขึ้นได้ พร้อมทั้งยังตกลงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผลกำไรไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้สินเดิมที่เคยมีอยู่ก่อนแล้ว การยื่นขอล้มลายของ Revlon ในครั้งนี้นับว่าเป็นแบรนด์ใหญ่แบรนด์แรกของทางสหรัฐอเมริกา ที่ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย

แต่อย่างไรก็ตาม การยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ยังคงเปิดโอกาสให้ทางแบรนด์สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ เพียงแต่ต้องกำหนดเส้นทางอนาคตของบริษัทในการใช้หนี้ให้ชัดเจน โดยการตัดสินใจในครั้งนี้ทางบริษัท Revlon คาดว่าจะทำให้บริษัทได้รับเงินกู้ประมาณ 575 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในฐานะลูกหนี้ขณะดำเนินการขอพิทักษ์ทรัพย์ (Debtor-in-Possession Financing: DIP) โดยจำนวนดังกล่าวจะนำมาใช้สำหรับหมุนเวียนในกิจการแต่ละวันต่อไป

ทั้งนี้แบรนด์เครื่องสำอาง Revlon ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 1932 จากการจำหน่ายน้ำยาทาเล็บ ก่อนที่จะได้ทำการขยายธุรกิจออกไปในช่วงปี ค.ศ. 1955 หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1985 MacAndrews & Forbes ก็ได้ทำการเข้าซื้อกิจการของ Revlon และในช่วงหลังมานี้บริษัทก็ได้ใช้เงินทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการของ Elizabeth Arden ในปี ค.ศ. 2016 รวมถึงยังเป็นเจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ ในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก

ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากกว่าจำนวนผู้ชมพิธีสาบานตนของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ราวๆร้อยละ 4 ขณะที่พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนาย บารัค โอบามา ประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้รับชมมากกว่า 51 ล้านคน

จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าผู้ก่อเหตุวางแผนจะใช้ปืนไรเฟิ้ลเหมือนกับผู้ก่อการร้ายในเหตุไครสต์เชิร์ช แต่เนื่องจากประเทศสิงคโปร์มีกฎหมายที่เข้มงวดต่อการซืออาวุธ ส่งผลให้เขาเปลี่ยนไปใช้มีดแทน

สะพรึง! ช้างกระทืบคนตาย แถมกลับมาทำร้ายศพซ้ำเติม

ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวไม่ใช่น้อยกับเหตุการณ์ ช้างกระทืบคนตาย แต่เรื่องราวไม่จบแค่นั้น ช้างตัวที่ว่าก็ได้กลับมา และทำลายศพซ้ำเติมไปอีก

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา สำนักข่าว Fox (29) ได้ทำการรายงานข่าวถึงเหตุการณ์ ช้างกระทืบคนตาย ณ รัฐโอริสสา (Odisha) ประเทศอินเดีย โดยผู้เคราะห์รายดังกล่าวคือหญิงชรา อายุ 68 ปี ที่แม้ว่าจะเสียชีวิตจากการกระทำครั้งแรกแล้วนั้น เจ้าช้างยังไม่ราวีตามไปซ้ำเติมในงานศพอีกด้วย

ในเชิงรายละเอียดนั้น หญิงชรา ผู้เคราะห์ร้ายมีนามว่า Maya Murmu อายุ 68 ปี ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งแรก ได้เกิดขึ้นในระหว่างที่เธอออกไปตักน้ำบริเวณพื้นที่หมู่บ้านไรท์ไปย์ (Raipai) เขตมายุปัจน์ (Mayurbhanj) ในขณะเดียวกันก็ได้พบเห็นโขลงช้างเดินมายังเธอ โดยเธอพยายามที่จะหลบหนีแล้วนั้น แต่ช้างตัวได้พุ่งมาเธอพร้อมทั้งกระทืบเธอจนได้ (ตามการรายงานของ The Times of India)

โดยเธอได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ณ โรงพยาบาล ซึ่งมีสาเหตุมาจากอาการบาดเจ็บของการที่ช้างกระทืบ

ณ เวลาช่วงเย็นของวันเดียวกัน ครอบครัวของ Murmu ได้นำศพของเธอมาประกอบพิธีในหมู่บ้าน แต่ในระหว่างนั้น โขลงช้างที่คาดว่าจะเป็นฝูงเดียวกับที่ Murmu ได้พบเจอ และกระทืบเธอ ก็ได้โพล่มาจากป่านอกกหมู่บ้าน ทำให้บรรดาชาวบ้านต่างหลบหนีไป เหลือเพียงแค่ศพของ Murmu

ซึ่งก็มีผู้พบเห็นว่าได้มีช้างตัวหนึ่งจากโขลงดังกล่าว ได้ทำการหยิบยกศพขึ้นมาก่อนที่จะโยนขึ้นไปบนฟ้า และหลังจากนั้นก็ได้ทำร้ายบ้านของ Murmu รวมถึงสร้างความเสียหายให้กับบ้านอีก 3 หลังด้วย

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ทางครอบครัวของ Murmu จัดการงานศพจนเสร็จสิ้น โดยชาวบ้านของหมู่บ้านดังกล่าวก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง The Times of India ว่า “พวกเราต่างขวัญผวาภายหลังจากพบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพวกเรานั้นไม่เคยพบเห็นโขลงช้างที่ดุร้ายเท่านี้มาก่อนในช่วงที่ผ่านมา”

จากการตรวจสอบ และรายงานโดย The Print ก็พบว่า โขลงช้างดังกล่าวเป็นโขลงที่หลุดออกมาจากอุทยานสัตว์ป่าแห่งชาติ Dalma ที่อยู่ห่างจากรัฐโอริสสาออกไป 100 ไมล์

ด้วยความดุร้ายที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หลายคนต่างตั้งคำถามว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และ Murmu ไปทำอะไรถึงให้เจ้าสัตว์ที่มักจะทำตัวเป็นสุขนั้นเกรี้ยวกราดถึงขนาดนี้ บ้างก็ว่าเธออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มลักลอบล่าสัตว์ป่าที่อาจจะไปฆ่า หรือทำร้ายหนึ่งในโขลงนี้ แต่ทั้งนี้แล้วนั้น ก็ยังไม่มีการค้นพบหรือยืนยันแต่อย่างใด

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป