ธรรมนัส เปิดใจหลังถูกขับพ้นพลังประชารัฐ รับห่วงคนในพรรคอยู่ยังไง ไม่มีตนดูแแล เผยเตรียมพรรคใหม่มานานแล้ว รอดูเซอร์ไพรส์ ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้อัดคลิปเปิดใจ โดยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ธรรมนัส พรหมเผ่า ของตัวเอง เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังที่ พรรคพลังประชารัฐ ได้มีมติขับพ้นสมาชิกภาพ พร้อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชารัฐรวม 21 คน
ตลอดความยาวของคลิป 03.27 นาที เป็นการตั้งคำถามให้ ร.อ. ธรรมนัส ตอบข้อสงสัย
โดยมีเนื้อหาดังนี้ “ตอบคำถามที่หลายท่านอยากรู้ เมื่อคืนผมนอนหลับไหม พรรคใหม่คือที่ใด ความรู้สึกหลังจากออก ลาออกกับขับออกต่างกันอย่างไร เป็นแค่ละครฉากหนึ่งจริงไหม การออกมามีผลอย่างไรต่อการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน”
คลิปเปิดใจนี้เริ่มด้วยคำถามแรกว่า “เมื่อคืนนอนหลับสบายหรือไม่?” ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า “ตั้งแต่เสร็จจากการประชุมนะครับ มันไม่ได้หยุดเลย เพราะโทรศัพท์เข้ามา พอวางสายก็มีสายซ้อนมาตลอดเวลาจนถึงเกือบตีหนึ่งกว่าจะได้พัก อาบน้ำเกือบตีหนึ่ง สวดมนต์ ไหว้พระ แล้วก็ดูหนังนิดหน่อย เพราะไม่ได้เครียดอะไร แล้วก็นอนหลับสบาย”
คำถามต่อมา ลาออกกับขับออกต่างกันอย่างไร ? “โดยกฎหมาย โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ปี 60 นะครับ ถ้าเราลาออกมันก็จะสิ้นสภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้าถูกขับออก เขาใช้คำว่าขับออก โดยมติของกรรมการผ่านมติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เสียง 3 ใน 4 ของผู้ประชุม เขาเรียกว่าการขับให้พ้นจากการเป็นสมาชิกของพรรคนั้นๆ มันไม่เหมือนกัน แต่พอถูกขับออกมาแล้ว สภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังอยู่ สถานะการเป็น ส.ส. ยังอยู่ มันต่างกัน” ร.อ. ธรรมนัส กล่าว
ส่วนความรู้สึกแรกที่ออกมา ร.อ. ธรรมนัส ระบุว่า “ห่วงบ้านเก่า เอาตรงๆ นะครับ ห่วงบ้านเก่าว่าพี่น้องเราหลายคนที่เป็นนักการเมืองที่มีอุดมการณ์เขาจะอยู่กันอย่างไรถ้าไม่มีเราดูแลเขา ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาที่บ้านเมืองมีวิกฤต การแพร่ระบาดของโควิด ส่วนใหญ่แล้วที่ ส.ส. ไปลงพื้นที่ ก็ได้รับการสนับสนุนจากพี่ทั้งนั้น 80% จากพี่กับหัวหน้าพรรคทั้งนั้น หลังจากไม่มีเราแล้ว ใครจะทำให้เขา ใครจะดูแลเขา”
การออกมามีผลอย่างไรต่อการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ? “ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า อยู่บ้านเก่านี่หลายอย่างมันทำได้ไม่เต็มที่ เพราะว่าด้วยเงื่อนไขหลายอย่าง ซึ่งเราคงไม่ต้องไปพูด ในหัวใจเราที่เราสั่งสมองให้ทำงานทุกวันนี้ เรายึดหลักผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งครับ บางเรื่องเราอยากจะทำเรื่องโน้นเรื่องนี้ อย่างที่เราไปเจอปัญหามา เราเจอปัญหามาทำ มาทำเป็นโจทย์ มาทำเป็นคำถาม ถามตัวเองว่าจะแก้ปัญหาชาวบ้านอย่างไร ท้ายที่สุดมันทำไม่ได้ เราก็อยากจะมาทำด้วยตัวเอง เอาตรงๆ อะไรก็ตามที่มันทำด้วยมือตัวเอง พี่มีความมั่นใจว่ามันจะมีคุณภาพมากกว่า
รู้สึกอย่างไรที่ได้ยินคนพูดว่าก็แค่ละครฉากหนึ่ง ? เราต้องยอมรับความเป็นจริงอย่างหนึ่งว่าพี่เป็นคนตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้นการพูดตรงไปตรงมามันอาจจะไม่เป็นที่ถูกใจของนักการเมืองบางกลุ่ม เพราะฉะนั้นภาพเราที่ออกสื่อก็เพราะเราทำงานนะ ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้หลายคนที่เราเป็นคนตรงไปมา พูดตรงไปตรงมา ไม่ชอบคนอย่างพี่ เคลียร์จบคือจบ ไม่เคยที่จะเอามาเป็นประเด็น มันอยู่ด้วยกันแล้ว มันไม่ยอมรับความเป็นจริง เมื่อจบก็ต้องจบ เมื่อจบแต่ไม่จบ เราก็ไปแยกกันเดินดีกว่า”
คำถามสุดท้าย บ้านหลังใหม่นี้มีชื่อว่า ? “คือจริงๆ พรรคนี้ บ้านหลังใหม่นี้ มันไม่ใช่พรรคที่เพิ่งเกิด เป็นพรรคที่เกิดมานานพอสมควร ครั้งหนึ่งที่มีผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองจะใช้เป็นพรรคหลัก ซึ่งพรรคนี้เมื่อเปิดตัวมาแล้วทุกคนก็ร้องอ๋อ เป็นพรรคของใคร เรามีความพร้อมทุกเรื่อง องค์ประกอบอื่นๆ เราพร้อมหมดนะครับ แล้วบ้านหลังใหม่เราก็เตรียมมานานแล้ว เดี๋ยวมีเซอร์ไพรส์” ร.อ. ธรรมนัส กล่าวทิ้งท้าย
โอ๊ค เหลือเชื่อ ลุงตู่ ไม่รู้ มีห้องเย็นกักตุนเนื้อหมู ต้องให้ โทนี่ ชี้เป้า
โอ๊ค พานทองแท้ อึ้ง ลุงตู่ ไม่รู้ไม่เห็นมีห้องเย็น กักตุนเนื้อหมู ต้องให้ โทนี่ วู้ดซัม ชี้เป้า แนะนำประชาชนไปกินเนื้ออื่นจนต้อง Work from Dubai
“โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายคนโต นายทักษิณ ชินวัตร แสดงความเห็นกรณี ตรวจพบเนื้อหมูในห้องเย็นแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้รีทวิตภาพข่าว ปศุสัตว์ จ.สงขลา บุกตรวจห้องเย็นแห่งหนึ่งใน อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งในรายงานข่าวระบุว่า
พบซากเนื้อหมูแช่เย็นจำนวนมาก และได้มีการสั่งอายัดเนื้อหมู 211,360 ตัน มาตรวจสอบ โดยเป็นกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนรี และรมว.กลาโหม สั่งตรวจสอบห้องเย็น หลัง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนรี ระบุว่ามีการ กักตุนเนื้อหมูในห้องเย็น
ขณะที่ ข้อความในทวิตความเห็นของ นายพานทองแท้ ระบุว่า “เหลือเชื่อที่ลุงตู่ ไม่รู้ไม่เห็นว่ามีห้องเย็นกักตุนเนื้อหมู หลายแสนกิโล แถมยังแนะนำคนไทยไปกินเนื้ออื่น จนคุณพ่อผมต้อง Work from Dubai โดยพูดชี้เป้าใน ClubHouse วันนี้ จึงมีการบุกเข้าไปตรวจสอบ&อายัดเนื้อหมูที่กักตุนกว่า 2แสนโล คราวหน้า #บริหารประเทศมีปัญหาปรึกษาโทนี่ นะลุง!”
ดังนั้นเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก การที่ ตำรวจ และ ทนาย ของผู้ต้องหา ร่วมมือกัน กลั่นแกล้ง ผู้เสียหาย ผมจึงเห็นสมควรที่จะฟ้องดำเนินคดี ม.157 กับ ผกก สน ลุมพีนี และ ทนายของผู้ต้องหาใน กฎหมาย มาตรา ที่เกี่ยวข้อง
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป